Posted by: chaosinbooks | 04/10/2009

บ้านน้อยริมสวนยาง



แสงแดดเหลืองเรืองระบายริมชายเขา      ควันสีเทาไหลลอยอย่างอ้อยอิ่ง

แนวต้นยางสงบใบไม่ไหวติง                      สงัดนิ่งเงียบงามในยามเย็น

แม่คงเตรียมข้าวปลาหุงอาหาร                   มีความสุขอยู่กับบ้านอย่างเห็นเห็น

พ่อก็อยู่อย่างง่ายง่ายไม่ลำเค็ญ                 ยึดประเด็นพอเพียงเลี้ยงครอบครัว

มีรายได้จากยางต่างหยาดเหงื่อ                  รดรินเรื่อเรือนกายเป็นสายทั่ว

เหนื่อยแสนเหนื่อยอย่างไรไม่หวั่นกลัว       พ่อกับแม่ตื่นตัว…ตื่นชีวิต

เพื่อลูกได้ร่ำเรียนได้เขียนอ่าน                    วาดโครงการวางเป้าหมายไว้ไพจิตร

ขีดเส้นทางให้เห็นเป็นเข็มทิศ                       ให้ลูกคิดลูกจำไว้ใส่ใจ

ยังจดจำคำพ่อสอนก่อนหน้านั้น                    เหมือนคำมั่นสัญญาค่ายิ่งใหญ่

แต่เส้นทางที่ทอดเท้านั้นยาวไกล               ลูกจะฝ่าข้ามไปอย่างไรกัน..?

พ่อย้ำบอก “แม้ภูเขาจะขวางหน้า               ก็จงอย่าถอดใจคิดไหวหวั่น

อุปสรรคมากแค่ไหนไม่สำคัญ                   ขอให้ใจมุ่งมั่นอย่าลดละ

คำว่าถอยต้องไม่มีในชีวิต                           อาจมีผิดพลาดบ้างบางจังหวะ

รู้ผ่อนหนักผ่อนเบาเข้าปะทะ                       ยึดธรรมะอยู่กับใจไม่หลงทาง

หลายครั้งที่เหนื่อยหน่ายอยากพ่ายแพ้   เพราะเห็นแต่อุปสรรคมาดักขวาง

ชัยชนะที่วาดหวังยังเลือนราง             เหมือนอยู่กลางพายุร้ายในสังคม

สังคมที่ยื้อแย่งและแข่งขัน                จึงหวาดหวั่นชีวิตจะติดหล่ม

ในท่ามกลางระบบทุนนิยม                ใครท้อแท้ก็จะจมถูกเหยียบยับ

เพราะที่นี่คือ…เมืองหลวง                  เหมือนอยู่กลางเหวห้วงอันกลอกกลับ

คุณธรรมหายหดถูกกดทับ                 เขาน้อมนับถือเงินเกินสิ่งใด

คนมือยาวสาวได้ก็สาวเอา                 คนโง่เขลาก็จมปลักถูกผลักไส

คนคดโกงกลับฟูเฟื่องเรืองวิไล          ความจริงใจไม่มีแม้แต่แววตา

จึงฝันถึงแดดเหลืองเรืองฉ่ำฉาย         ตะวันบ่ายอาบทิวเขาเห็นเงาป่า

กับบ้านน้อยริมสวนยางที่จากมา         โลกที่นั่นโสภากว่าในเมือง

————————-

เชาว์ศิลป์ จินดาละออง

ขวัญเรือน, ปักษ์แรก  ต.ค. 52


ใส่ความเห็น

หมวดหมู่